ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เที่ยวยุโรปตะวันออก : ข้อมูลท่องเที่ยวออสเตรีย




ข้อมูลเที่ยวออสเตรีย ทัวร์ออสเตรีย
ประเทศออสเตรีย หรือ สาธารณรัฐออสเตรีย (Republic of Austria) (ภาษาเยอรมัน: Österreich, ภาษาโครเอเชีย: Austrija, ภาษาฮังการี: Ausztria, ภาษาสโลวีเนีย: Avstrija) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลในยุโรปกลาง มีอาณาเขตทางเหนือจรดประเทศเยอรมนีและสาธารณรัฐเช็ก ทางตะวันออกจรดสโลวาเกียและฮังการี ทางใต้จรดสโลวีเนียและอิตาลี และทางตะวันตกจรดสวิตเซอร์แลนด์และลิกเตนสไตน์ มีการปกครองแบบประชาธิปไตยแบบมีผู้แทนภายใต้หลักการของรัฐสภา


เนื้อที่ : 83,858 ตารางกิโลเมตร
ออสเตรียตั้งอยู่ทางตอนใต้ของยุโรปกลาง มีพรมแดนติดกับประเทศเยอรมนี สาธารณรัฐเชก สโลวาเกีย ฮังการี สโลวีเนีย อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และลิกเทนสไตน์
ภูมิทัศน์ของออสเตรียคือสถาปัตยกรรมที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างงดงาม ประกอบด้วย เขตเทือกเขาสูงตอนกลาง เนินเขาและที่ราบ ภูมิภาคอัลไพน์ ( อีสเทิร์นแอลป์ , ไฮเทาแอร์น , คาร์นิคันแอลป์ , เทือกเขาเซาเทิร์นคาราวัง และบางส่วนของเซาเทิร์นแอลป์ ) ทอดตัวจากทิศตะวันตกลงไปทางใต้จนถึงแอ่งเวียนนา ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 2 ใน 3 ของประเทศ ภาคตะวันตกภูมิประเทศเป็นเขาสูง ส่วนภาคตะวันออกเป็นเนินเขาและที่ราบจรดทุ่งแพนโนเนียนทางตอนเหนือของมณฑลบู ร์เก็นลันด์ ภูเขาที่สูงที่สุดคือ กรอสกล็อกแนร์ (3,797 เมตร) แม่น้ำสายหลักได้แก่ ดานูบไหลผ่านออสเตรียเป็นระยะทางยาวประมาณ 350 กิโลเมตร


เมืองหลวง: เวียนนา Vienna (Wien)
ภาษา/ประชากร: จากการสำรวจในปี 2549 ประเทศออสเตรียมีประชากรโดยประมาณ 8,260,000 คน อายุขัยเฉลี่ยของประชากรหญิงสูงกว่าประชากรชาย ประชากรหญิงออสเตรียมีอายุเฉลี่ย 82.1 ปี ส่วนประชากรชายออสเตรีย 76.4 ปี ในประเทศออสเตรียส่วนใหญ่ประชากรจะเป็นผู้สูงอายุ และเนื่องจากค่าครองชีพในประเทศออสเตรียอยู่ในอัตราสูงมาก จึงมีผลในการส่งผลให้อัตราการเกิดใหม่ของประชากรลดลง
เป็นอย่างมาก ซึ่งอัตราการเกิดใหม่ของประชากรอยู่ที่ 0.45% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำมาก 74.1% ของจำนวนประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก 4.6% ของจำนวนประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์, ประชากรจำนวนประมาณ 180,000 คน นับถือนิกายคริสต์นิกายออโธด็อกส์, ประชากรจำนวนประมาณ 8,140 คนนับถือนิกายยิว, ประชากรจำนวนระหว่าง 15,000-338,998 คนนับถือศาสนาอิสลาม (ประเทศเริ่มมีศาสนาอิสลามมาตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 1912) , ประชากรจำนวนมากกว่า 10,000 คนนับถือศาสนาพุทธ และประชากรจำนวน 20,000 คนเลือกที่จะไม่นับถือศาสนาใด ยึดหลักความเป็นกลาง (จากผลสำรวจในปีพุทธศักราช 2544 หรือปีคริสต์ศักราช 2001)



ภูมิอากาศ: ออสเตรียตั้งอยู่ในเขตอบอุ่น ภูมิอากาศแบบยุโรปตอนกลางที่ได้รับอิทธิพลจากภูมิอากาศแบบแอตแลนติก ฤดูกาลทั้ง 4 ฤดู ( ฤดูใบไม้ผลิ , ร้อน , ใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ) มีอุณหภูมิและลักษณะอากาศเฉพาะแตกต่างกัน

Daylight Savings time ตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคม จนถึงสิ้นเดือนตุลาคม เวลาในออสเตรียจะเปลี่ยนจาก GMT+1 เป็น GMT+2 (ช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง และ 5 ชั่วโมง ตามลำดับ) โดยเริ่มตั้งแต่คืนวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคม เวลา 02.00 น. ใช้เวลา GMT+2 และตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ สุดท้ายของเดือนตุลาคม เวลา 03.00 น. ใช้เวลา GMT+1



ขั้นตอนการขอวีซ่า: นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 การยื่นขอวีซ่าประเทศออสเตรีย จะต้องทำการยื่นผ่านบริษัทตัวแทน ซึ่งการยื่นผ่านตัวแทน จะช่วยให้คุณได้รับความสะดวก รวดเร็ว และสามารถติดตามผลการยื่นขอวีซ่าได้อย่างง่ายดาย
คุณสามารถดูประเภทวีซ่าที่คุณต้องการ รวมทั้งดูเอกสารที่จำเป็นได้ตามที่อยู่ด้านล่างนี้

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวสิงคโปร์


ข้อมูลทั่วไปของสิงคโปร์

“สาธารณรัฐสิงคโปร์”สิงคโปร์ เป็นนครรัฐที่ตั้งอยู่บนเกาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ละติจูด 1?17’35” เหนือ ลองจิจูด 103?51’20” ตะวันออก ตั้งอยู่ทางใต้สุดของคาบสมุทรมาเลย์ อยู่ทางใต้ของรัฐยะโฮร์ของประเทศมาเลเซีย และอยู่ทางเหนือของหมู่เกาะเรียวของประเทศอินโดนีเซีย

ภูมิศาสตร์ ภาคกลางและภาคตะวันตกเป็นเนินเขา ซึ่งเนินเขาทางภาคกลางเป็นเนินเขาที่สูงที่สุดของประเทศ เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญของสิงคโปร์ และภาคตะวันออกเป็นที่ราบต่ำ ชายฝั่งทะเลมักจะต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ต้องมีการถมทะเล



ประชากร ประชากรหนาแน่นที่สุดในภูมิภาค และเป็นประเทศเล็กที่สุดในภูมิภาค เป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 2 ของโลก มีจำนวนประชากรประมาณ 4.24 ล้านคน (2547) ประกอบด้วยชาวจีน (76.5%) ชาวมาเลย์ (13.8%) ชาวอินเดีย (8.1%) และอื่น ๆ (1.6%)



จากการที่มีประชากรหลายเชื้อชาติ สิงคโปร์จึงมีผู้นับถือศาสนาต่าง ๆ คือ พระพุทธศาสนา ศาสนาฮินดู คริสต์ศาสนา และลัทธิเต๋า


สถาพอากศ ประเทศสิงคโปร์มีสภาพภูมิอากาศคงที่ มีอุณหภูมิสม่ำเสมอและมีฝนตกชุก สิงคโปร์ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสภาพภูมิอากาศแบบป่าเขตร้อน ไม่มีการแบ่งฤดูเหมือนประเทศอื่นๆ ที่มีการแบ่งเป็น ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง หรือ ฤดูหนาว ด้วยความที่สิงคโปร์มีภูมิอากาศที่คงที่ จึงเป็นการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวตลอดปี โดยอุณหภูมิ จะอยู่ระหว่าง 22 ถึง 34 องศาเซลเซียส ค่าความชื้นโดยเฉลี่ยนอยู่ที่ 85% - 90% ในช่วงเช้า และ 55%-60% ในช่วงเที่ยง หากมีฝนตกชุกมาก ค่าความชื้นอาจสูงได้ถึง 100% ช่วงกลางปี ในเดือนมิถุนายน และ กรกฎาคม จัดเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด และ เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม เป็นช่วงฤดูมรสุม ซึ่งวัดจากพื้นดินที่ชุ่มชื้นและค่าความชื้นสูง อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยวัดได้ คือ 19.4 องศาเซลเซียส และมากที่สุด คือ 35.8 องศาเซลเซียส ประเทศสิงคโปร์ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้ภูมิอากาศมีความคงที่อยู่ตลอดปี สภาพภูมิอากาศมักมีส่วนสำคัญเวลานักท่องเที่ยวเลือกที่จะไปท่องเที่ยวในที่ ใดๆ และสิงคโปร์ดูจะตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ดีที่สุด บางคนไม่ชอบอากาศชื้นในเดือน พฤศจิกายน และธันวาคม แต่ 10 เดือนที่เหลือก็ยังมีสภาพอากาศที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวได้ สวนพฤกษศาสตร์ที่นี่ได้รับการดูแลอย่างดี เป็นจุดท่องเที่ยวที่สวยงามสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวสิงคโปร์เอง

การคมนาคม สำหรับการเดินทางภายในสิงคโปร์นั้น คุณสามารถเลือกใช้บริการระบบขนส่งมวลชนหลักๆ ได้ 3 ประเภท คือ

สำหรับการเดินทางภายในสิงคโปร์นั้น คุณสามารถเลือกใช้บริการระบบขนส่งมวลชนหลักๆ ได้ 3 ประเภท คือ

  • รถไฟฟ้า/Singapore Mass Rapid Transit (MRT)
    ระบบขนส่งที่คล้ายกับรถไฟใต้ดินบ้านเราและมีค่าโดยสารไม่แพง (อยู่ในช่วงราคา S$1-2.10) โดยจะให้บริการตั้งแต่เวลา 05.31 น. สำหรับวันจันทร์-เสาร์ วันอาทิตย์วันหยุดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.59-24.03 น.
  • รถโดยสารประจำทาง (Bus)
    ระบบขนส่งมวลชนที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้รถไฟฟ้าเลย ซึ่งจะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. โดยมีทั้งแบบรถธรรมดาและรถปรับอากาศ สนนราคาไม่แพง ตกเที่ยวละ S$0.90-2.35 เท่านั้น
  • แท็กซี่ (Taxis)
    มีให้เลือกตั้งแต่ระดับธรรมดาไปจนถึงระดับหรูอย่าง Limousines โดยราคาค่าโดยสาร 1 กิโลเมตรแรกเริ่มต้นที่ S$2.80 จากนั้นค่าโดยสารจะขึ้นอีก 10 เซนต์ทุกๆ 210 เมตร

เดินทางจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมือง
การเดินทางจากสนามบินชางฮีเข้าสู่ย่านที่พักในสิงคโปร์นั้นค่อนข้างสะดวก และสามารถทำได้ 3 วิธี คือ

  • MRT (Singapore Mass Rapid Transit)
    การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นการเดินทางที่สะดวกรวดเร็ว และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมใช้กันมาก โดยสถานีรถไฟฟ้าจะตั้งอยู่ที่เทอร์มินัล 2 และ 3 ของสนามบินชางฮี ซึ่งจะเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 05.30-23.18 น.

  • Airport Shuttle Service
    จะเป็นรถแม็กซีแค็บแบบ 9 ที่นั่ง วิ่งให้บริการระหว่างสนามบินไปยังโรงแรมเกือบทุกแห่งในเมือง (ยกเว้นโรงแรม Changi Village และโรงแรมบนเกาะเซ็นโตซ่า) ซึ่งคุณสามารถเลือกลงตรงปลายทางที่อยู่ภายในย่านธุรกิจ รวมถึงสถานีรถไฟฟ้าได้ด้วย โดยจะเปิดให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง และออกทุก 15 นาทีในช่วงเวลา 06.00-24.00 น. หลังจากนั้นจะออกวิ่งทุกๆ 30 นาที
  • รถเมล์สาธารณะ (Public Buses)
    วิธีนี้นับว่าเป็นวิธีที่ประหยัดที่สุดในการเดินทางเข้าเมือง แต่อาจจะใช้เวลานานสักนิด ซึ่งท่ารถจะตั้งอยู่ที่อาคาร 1 ชั้นใต้ดินชั้น 2 (Basement 2) และอาคาร 2 ชั้นใต้ดิน (Basement) โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น.


แพคเกจทัวร์สิงคโปร์

ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวสิงคโปร์

ที่มา: Thaifly.com

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวแดนปลาดิบ เที่ยวญี่ปุ่น : รู้ก่อนไป



เที่ยวญี่ปุ่น

Picture
ข้อมูลทั่วไป ที่ตั้ง ตั้งอยู่ด้านฝั่งตะวันออกของทวีปเอเชีย หรือทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก ประเทศญี่ปุ่นมัลักษณะเป็นเกาะ ทำให้กูมิประเทศติดกับทะเล ไม่ติดกับประเทศใดเลย การที่ประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะเป็นเกาะ ทำให้ญี่ปุ่นเผชิญกับปัญหาแผ่นดินไหวมากกว่าทุก ๆ ประเทศในโลก ที่ทำให้ญี่ปุ่นประสบกับภาวะแผ่นดินไหวเช่นนี้เพราะ ญี่ปุ่นมีสภาพภูมิศาสตร์ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนต่าง ๆ มากมาย เมืองหลวง กรุงโตเกียว ภาษา ใช้ภาษาญี่ปุ่นในการติดติดต่อสื่อสาร ตัวอักษรในภาษาญี่ปุ่นสามารถจำแนกออกเป็นสองกลุ่ม คือ ตัวอักษรที่ใช้ง ซี่งได้แก ่ฮิระงะนะ และ คะตะคะนะ กับ ตัวอักษรที่แสดงความหมาย ที่เรียกว่า คันจิ โดยใช้ร่วมกับตัว เลขอารบิก และตัวอักษรโรมัน ซึ่งจะมีความหลากหลายมากกว่าภาษาที่ใช้ในประเทศใกล้เคียง เช่น ภาษาจีน ซึ่งใช้ตัวอักษรจีน เป็นหลัก ส่วนภาษาเกาหลี ก็จะใช้ อักษรฮันกุลเป็นหลัก

Picture
Picture


ชุดประจำชาติญี่ปุ่น คือชุด"กิโมโน" ซึ่งในประเทศญี่ปุ่น แบ่งสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานของมนุษย์ออกได้เป็น 3 อย่างคือ "เสื้อผ้า" "อาหาร" "ที่อยู่อาศัย" การที่เสื้อผ้ามีความสำคัญเป็นอันดับแรกก็เพราะมีความเชื่อมาเป็นเวลานานว่า เสื้อผ้าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้รู้จักฐานะทางสังคม อาชีพ อุปนิสัยใจคอของคน ๆ นั้นได้ จึงให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าเป็นพิเศษ
Picture
ภูมิอากาศ ญี่ปุ่นมี 4 ฤดูหลัก ที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน คือ ฤดูใบไม้ผลิ : (มีนาคม-พฤษภาคม) อากาศอบอุ่น
Picture
ฤดูร้อน : (มิถุนายน-สิงหาคม) อากาศร้อนชื้นโดยมีช่วงฤดูฝนสั้นๆ ประมาณ 1 เดือนในช่วงต้นฤดู
Picture
ฤดูใบไม้ร่วง : (กันยายน-พฤศจิกายน) อากาศอบอุ่น โดยมีพายุไต้ฝุ่นมากในช่วงเดือนกันยายน
Picture
ฤดูหนาว : (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) อากาศหนาว มีหิมะตกมากทางภาคเหนือของประเทศและฝั่งทะเลญี่ปุ่น ส่วนทางใต้และฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก อากาศจะอบอุ่นกว่า
Picture
Picture

ระเบียบการเข้าเมือง ปัจจุบัน การทำหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตมีความสะดวกและรวดเร็ว โดยการไปยื่นคำร้องด้วยตนเองที่กองหนังสือเดินทาง กระทรวงการต่างประเทศ หรือที่สำนักงานสาขาของกองหนังสือเดินทาง ทุกวันเวลาราชการ และเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้ยื่นคำร้องจะต้องมีเอกสารครบถ้วน พร้อมเงินค่าธรรมเนียม 1,130 บาท ( รวมค่าถ่ายรูป , ค่าเขียนคำร้อง , ค่าอากรแสตมป์ และค่าส่งทางไปรษณีย์ ) โดยใช้เวลาตั้งแต่ยื่นคำร้องจนถึงเสร็จสิ้นขึ้นตอนทั้งหมด ประมาณ 30 นาที ขั้นตอนการยื่นขอหนังสือเดินทาง 1.ถ่ายรูป ( ชำระค่าถ่ายรูป 75 บาท ) แล้วรอรับคำร้อง 2.ชำระค่าธรรมเนียม 1,000 บาท 3.จ่ายเงินค่าเขียนคำร้อง 10 บาท ค่าอากรแสตมป์ 5 บาท 4.นำคำร้องที่ปรากฎรูปถ่ายไปให้เจ้าหน้าที่เขียนคำร้อง 5.ยื่นคำร้องที่กรอกข้อความเรียบร้อยแล้วตามช่องที่กำหนดแล้วรอรับใบรับเล่มและใบเสร็จรับเงิน 6.ติดต่อขอส่งหนังสือเดินทางทางไปรษณีย์ค่าบริการ 40 บาท 7.ท่านจะได้รับหนังสือเดินทางภายใน 10 วันทำการ เอกสารเพิ่มเติมตามความจำเป็นแล้วแต่กรณี - ใบเปลี่ยนชื่อและสกุล - ทะเบียนสมรส - ทะเบียนหย่า - ทะเบียนการรับบุตรบุญธรรม - ทะเบียนการรับรองบุตร - ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวของบิดาและมารดา หมายเหตุ : เอกสารทุกฉบับต้องนำต้นฉบับมาพร้อมสำเนา 1 ชุด วิธีการขอรับการตรวจลงตราวีซ่ามี 2 วิธีคือ 1.การ ขอโดยการพิจารณาล่วงหน้า สามารถขอวีซ่าได้ด้วยตนเอง ณ สถานฑูตหรือสถานกงศุลญี่ปุ่น ขั้นตอนค่อนข้างเสียเวลานานเพราะจะรวมถึงการส่งเอกสารไปมาจากญี่ปุ่น รวมทั้งระหว่างสถาบันในประเทศญี่ปุ่นด้วย 2.การขอโดยใช้หนังสือแสดง สถานภาพการอยู่อาศัยในญี่ปุ่น หลังจากนักศึกษาหรือผู้แทนได้รับใบรับรองสถานภาพการอยู่อาศัยในญี่ปุ่นแล้ว นักศึกษาสามารถใช้ใบรับรองนี้เพื่อขอวีซ่าได้ที่สถานฑูตหรือสถานกงศุล ญี่ปุ่น ซึ่งวิธีนี้ค่อนข้างง่ายและรวดเร็ว

ข้ออนุญาติศุลกากร การ นำเข้าสิ่งของโดยปลอดภาษี ของใช้ส่วนตัวและอุปกรณ์ประกอบอาชีพสามารถนำเข้าไปในญี่ปุ่นได้โดยปลอดภาษี นอกจากนี้ท่านยังสามารถนำเข้าโดยปลอดภาษีมีบุหรี่ 400 มวน ยาสูบ 500 กรัม หรือซิการ์ 100 มวน เครื่องดื่มมี อัลกอฮล์ 3 ขวด น้ำหอม 2 ออนซ์ ตลอดจนของที่ระลึก ซึ่งตีราคารวมกันแล้วไม่ถึง 200,000 เยนหรือเทียบเท่า บุคคลที่อายุยังไม่ถึง 19 ปี และอายุเพียง19 ปี ไม่อนุญาตให้นำเข้าบุหรี่หรือเครื่องดื่มมีอัลกอฮล์ . สิ่งของต้องห้ามในการนำเข้าประเทศญี่ปุ่น 1.ฝิ่น กัญชา และยาเสพติดทุกประเภท ยากระตุ้นประสาท( รวมไปถึงยาดมด้วยเช่นกัน) 2.อาวุธ 3.สื่อที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณชน หรือขัดต่อศีลธรรม เช่นสื่อลามก ( หนังสือ / วิดีโอ / ภาพถ่าย และอื่น ๆ) 4.เหรียญปลอม ธนบัตรปลอม ของที่ละเมิดลิขสิทธิ์ เช่นของเทียม ลอกเลียนแบบ 5.สัตว์ ป่าและพืช รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์ป่าและของป่า หากจะนำสัตว์หรือพืช (รวมถึงเมล็ดพันธุ์และผล) เข้าญี่ปุ่น จะต้องผ่านด่านการตรวจเช็คและควบคุมโรคอย่างละเอียด
Picture
Picture

Picture
Picture


วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวเกาหลี ตามกระแส เกาหลี ฟีเวอร์

ตกลงคนไทยไปเที่ยวเกาหลี เพราะอะไรกัน เหตุผลคงหนีไม่พ้น ดารา นักร้อง ที่โด่งดังข้ามน้ำข้ามทะเล มาถึงบ้านเรานั้นเอง ดูหน้งแล้วก็อยากไปสัมผัสบรรยากาศนั้นมั้ง จากที่ไป ฮ่องกง กะ มาเก๊ามาแล้ว ทีนี้เราก็ขึ้นสูงไปอีกนิด กับบรรยากาศที่แตกต่าง เกาหลี ๆๆๆๆๆๆ ประเทศที่น่าเที่ยวอีกประเทศหนึ่ง

ที่ตั้ง ตะวันออกเฉียงเหนือ ของทวีปเอเชีย
เมืองหลวง กรุงโซล
ภาษา ภาษาเกาหลีอยู่ในตระกูลอูราล-อัลเทอิกซึ่งเกี่ยวพันกับภาษามองโกเลีย ฟินนิช และฮังกาเรียน ทุกวันนี้ประชากรชาวเกาหลีทั้งหมดพูดและเขียนภาษาเกาหลีซึ่ง เรียกว่า ฮันกึล ซึ่งได้ประดิษฐ์ขึ้นในปี ค.ศ. 1443 อักขระเกาหลีประ กอบด้วย 10 เสียงสระ และ 14 เสียงพยัญชนะ
ชุดประจำชาติเกาหลี "ฮันบก" เป็นชุดประจำชาติของเกาหลีซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนานนับพันๆ ปี ความสวยงาม และความสุภาพของวัฒนธรรมเกาหลีฉายอยู่ในรูปภาพของผู้หญิงในชุดฮันบก ก่อนอิทธิพลของเครื่องแต่งกายแบบตะวันตก จะเข้ามาถึงประเทศเกาหลีเมื่อร้อยปีมาแล้ว ฮันบกเคยเป็นชุดประจำวัน ผู้ชายสมัยก่อนใส่ ชอโกรี (เสื้อนอกแบบเกาหลี) กับพาจิ (กางเกางขายาว) ขณะที่ผู้หญิงใส่ ชอกอรี กับชีมา (กระโปรง) ปัจจุบันนี้ ฮันบกใช้ใส่เฉพาะโอกาสที่มีการเฉลิมฉลอง เช่น วันแต่งงาน วันซอลลัล และชูซก ฮันบก มีลักษณะที่หลวมๆ ถูกตัดเย็บขึ้นเพื่อปกปิดส่วนโค้งส่วนเว้า ตามธรรมชาติของร่างกาย


ภูมิอากาศ : เกาหลีอยู่ในเขตอบอุ่นซึ่งมีอยู่ 4 ฤดูกาลใน 1 ปี

ฤดูใบไม้ผลิ เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมจนถึงเดือนพฤษภาคม ขุนเขาและท้องทุ่งทั่วประเทศจะเต็มไปด้วย ดอกเชอรี่ ฟอร์ซีเธีย อาซาเลีย แมกโนเลีย และไลแลค ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เกาหลีคือดินแดนแห่งดอกไม้ที่งดงาม
ฤดูร้อน ปลายระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน คือฤดูกาลแห่งแสงอาทิตย์ ป่าอันร่มครึ้ม ท้องทุ่งเขียวกระจ่างตา และทะเลสีคราม จะชักนำให้ผู้คนออกนอกบ้านเพื่อการพักผ่อนในวันหยุด
ฤดูใบไม้ร่วง ปลายเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน ช่วงเวลาแห่งความเย็นและฟ้าใส ทำให้จุดนี้เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของปี ใบไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้นดินช่วยแต่งเติมสีสันแก่ขุนแขาให้งดงามไปด้วยเฉดสี แดงและเหลืองตัดกับท้องฟ้าที่งามกระจ่างตา เบิกบานไปกับการเดินเที่ยวบนภูเขาอันซึ่งพื้นดินพรมพร่างไปด้วยใบไม้
ฤดูหนาว เดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมีนาคม เหน็บหนาวและแห้งแล้งกับช่วงเวลาแห่ง3 วันที่หนาวเย็นตามด้วย 4 วันแห่งความอบอุ่น เทศกาลหิมะและที่พักตากอากาศสำหรับเล่นสกีทำให้ฤดูหนาวของเกาหลีเป็นฤดุที่ เต็มไปด้วยชีวิตชีวา

การเดินทาง ใน เกาหลี

การเดินทางระหว่างกรุงโซลกับเมืองใหญ่ ๆ ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก มีเที่ยวบินของสายการบินนานาชาติหลายสายให้บริการประจำ ประเทศเกาหลีมีท่าอากาศยานนานาชาติ อยู่ 3 แห่ง คือ
  • ท่าอากาศยานนานาชาติคิมโป ใกล้กรุงโซล (ในปี ค.ศ. 2001 จะเปลี่ยนสนามบินไปใช้ที่เกาะยงดอง เมืองอินชอน)
  • คิมแฮ ใกล้พูซาน
  • และเชจู บนเกาะเชจู
ส่วนท่าเรือเดินสมุทรมีหลายแห่ง และยังมีสายการบินภายในประเทศ ที่บริการบินเชื่อมโยงเมืองใหญ่ รถแท็กซี่มีเป็นจำนวนมาก และราคายุติธรรม โดยใช้ระบบมิเตอร์ และรถเช่าพร้อมบริการ รถไฟที่เครือข่ายเชื่อมโยงถึงเกือบทุกส่วนของประเทศ มีรถทัวร์ ซึ่งมี เครือข่ายกระจายทั่วประเทศ รถไฟและรถทัวร์ มีตารางการเดินรถและเวลาเขียนเป็นเป็นภาษาเกาหลี ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับนักท่องเที่ยว กรุงโซลและเมืองพูซาน มีระบบเส้นทางเดินรถไฟใต้ดินที่ทันสมัยและรวดเร็ว มีป้ายชื่อสถานีและป้ายบอกทิศทางเขียนภาษาอังกฤษควบคู่ภาษาเกาหลี ระหว่างเกาะต่างๆ มีเรือบรรทุกรถยนต์และเรือไฮโดรฟอยส์ คอยบริการ



ระเบียบการเข้าเมือง
นักท่องเที่ยวที่ถึอตั๋วโดยสาร เครื่องบินขาออก ที่สายการบินยืนยันที่นั่งแล้ว เกาหลียกเว้นวีซ่าให้สำหรับผู้ ถือหนังสือเดินทางไทย ยกเว้นวีซ่าและอยู่เกาหลีได้ 90 วัน (สำหรับนักท่องเที่ยวไทยถือพาสปอตต่างด้าว จะต้องของวีซ่าที่สถานทูตเกาหลีในไทยก่อนเดินทาง) พิธีการเข้าเมืองนั้น ด่านแรก-ด่านสุขภาพ ด่านที่สอง - ด่านเข้าเมือง เข้าแถวที่มีป้ายว่า สำหรับชาวต่างประเทศ (FOREIGNER) พร้อมพาสปรอตและใบเข้า - ออก เมือง จากนั้นเอกเรย์ของใช้ส่วนตัว และรับกระเป๋าที่สายพาน มีรถเข็นอยู่ใกล้ ๆ ไม่ต้องเสียเงิน ตรวจกระเป๋า และเตรียมใบศุลกากร พาสปอตไม่ใช้ ผ่านศุลกากรช่องเขียว เมื่อผ่านประตูบานเลื่อน ให้ออกทางซ้ายสำหรับคณะทัวร์ จะมี ไกด์ท้องถิ่นถือป้ายรอต้อนรับท่าน

เวลาทำการ
สถานที่ทำการของรัฐบาลเปิดระหว่างเวลา 9.00 น. - 18.00 น. ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤศจิกายน และเปิดระหว่าง 9.00 น. - 17.00 น. ตั้งแต่พฤศจิกายน ถึงกุมภาพันธ์ วันเสาร์เปิด 9.00 น. และปิด 13.00 น.

สถานที่ทำการของธุรกิจเอกชนส่วนใหญ่จะมีเวลาเปิดตั้งแต่ 8.30 น. - 10.00 น. และปิดในเวลาเย็น ยกเว้นธนาคาร ธนาคารมีเวลาทำการตั้งแต่ 9.30 น. - 16.30 น. และปิดในวันเสาร์และอาทิตย์

ที่ ทำการของสถานฑูตต่างประเทศในโซลยึดถือเวลาทำการรวมทั้งเวลาอาหารกลางวัน อย่างเคร่งครัด ปกติจะเปิดตั้งแต่ 9.00 น. - 17.00 น. วันธรรมดา และปิดวันเสาร์และอาทิตย์

ห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ เปิดตั้งแต่ 10.30 น. - 20.00 น. รวมทั้งเปิดวันอาทิตย์ด้วย แต่ร้านค้าขนาดเล็กมักเปิดเช้ากว่า และปิดสายกว่าทุกวัน

บริการโทรศัพท์
โทรศัพท์สาธารณะมี 3 ประเภท คือคือสีฟ้า สีเทา และโทรศัพท์ที่ใช้บัตรสีฟ้าและเทาใช้สำหรับโทรในเมืองและในประเทศ เสียค่าโทรครั้งละ 40 วอน ต่อ 3 นาที (ทางไกลจะแพงกว่านี้) โทรศัพท์ใช้บัตร โทรได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยบัตรมีราคาตั้งแต่ 2000 / 3000 / 5000 / 10000 วอน บัตรเหล่านี้มีขายทั่วไป ตามโรงแรม ธนาคาร ร้านค้า หรือสังเกตที่ตู้โทรศัพท์จะมีการบอกสถานที่ขายใกล้ๆ โทรเข้าประเทศไทย ประมาณนาทีละ 400 วอน










วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวมาเก๊า

คราวที่แล้วพาไปเที่ยวฮ่องกงมาแล้ว คราวนี้ก็ ต้องข้ามฝั่งไปที่ มาเก๊า กันเลย

หลายคนคงรู้แล้วว่า มาเก๊ากับฮ่องกงนั้น ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งสามารถ เดินทางไปมาหากันได้โดยใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง โดยมากแล้ว คนที่ไปฮ่องกงมักจะแวะไปเยี่ยมเยือนมาเก๊า เป็นของแถม (แต่ไม่คิดว่าเป็นของแถมนะ เพราะว่า มาเก๊าเองก็เป็น Major place ของการท่องเที่ยวเหมือนกาน) รู้แล้วก็เลยเอาข้อมูลมาฝาก


เขตปกครองพิเศษมาเก๊า
มาเก๊าตั้งอยู่ในเขตมณฑลกวางตุ้ง บนชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของสามเหลี่ยม ปากแม่น้ำเพิร์ล มีอาณาเขตติดกับตำบลกงเป่ย หรือขงปั๊กของจีน (Gongbei)

มีเนื้อที่ทั้งหมด 29.2 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยคาบสมุทรมาเก๊ามีพื้นที่ 9.3 ตารางกิโลเมตรซึ่งติดต่อกับจีนแผ่นดินใหญ่, เกาะไทปา(Taipa) 6.7 ตารางกิโลเมตร เกาะโคโลอาน(Coloane) 7.6 ตารางกิโลเมตร และโคไท ”COTAI” พื้นที่ซึ่งพัฒนาขึ้นใหม่จากการถมทะเลอีก 5.6 ตารางกิโลเมตร



The Venetion Resort เดอะเวเนเชี่ยนมาเก๊า เป็นชื่อโรงแรมหรูในมาเก๊า ภายในมีห้องพักรับรองหลายพันห้อง มีห้องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ให้บริก

าร และมีบ่อนคาสิโนที่นักพนันและนักท่องเที่ยวระดับมาเล่นกันเพื่อความสนุกสนาน มากกว่าเล่นเพื่อผลาญทรัพย์เชิงอบายมุข ตลอดจนมีแหล่งชอปปิ้งระดับโลกรวมอยู่ในที่เดียวกัน และยังมีเรือกอนโดลาบริการสำหรับผู้ต้องการล่องเรือในบรรยากาศเวนิสจำลอง ด้วยเช่นกัน

จัตุรัสเซนาโด้
กลายเป็นศูนย์รวมของชาวเมืองมานับศตวรรษ และยังคงเป็นสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองยอดนิยมทั้งหลาย ตั้งอยู่ใกล้กับอาคารสภาสูงเดิมและวัดซำไก วุยคุน ทั้งบ่งถึงความร่วมมืออย่างแข็งขันของชุมชนชาวจีนท้องถิ่น ที่มีต่องานราชการเมือง ขณะเดียวกัน ยังเป็นตัวอย่างเด่นชัด ที่แสดงถึงการคลุกเคล้าทางวัฒนธรรมอันหลากหลายของชาวมาเก๊า โดยอาคารที่รายรอบจัตุรัสเซนาโด้ ล้วนเป็นอาคารสไตล์นีโอคลาสสิกที่ทาสีพาสเทลอันอ่อนโยน สะท้อนถึงบรรยากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน



ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล

ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลหมายถึงฟาซาดด้านหน้าของโบสถ์มาแตร์ เดอี (Church of Mater Dei) ที่สร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1602-1640 แต่โดนพิษไฟไหม้ในปี 1835 ทำให้วิทยาลัยเซนต์ปอลที่อยู่ติดกับโบสถ์ ก็กลายเป็นซากด้วยเช่นกัน โดยรวมแล้ว โบสถ์มาแตร์ เดอีเดิม วิทยาลัยเซนต์ปอล (St. Paul’s College) และป้อมปราการ (Mount Fortress) เป็นสิ่งปลูกสร้างของพระนิกายเยซูอิต และตั้งใจก่อร่างให้เป็นดั่งอะโครโปลิสแห่งมาเก๊า ซากโบราณสถานที่ยังหลงเหลืออยู่ของวิทยาลัยเซนต์ปอล คือประจักษ์พยานการก่อตั้งมหาวิทยาลัยของตะวันตกใน ภูมิภาคตะวันออกไกล และได้รับการวางหลักสูตรการศึกษาไว้อย่างพิถีพิถัน ขณะที่ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล ในปัจจุบันถูกมาเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองมาเก๊า


อาหารการกิน
มาเก๊า เป็นสวรรค์ของนักกิน ไม่แพ้ที่ใดในโลก ด้วยมีอาหารหลากหลายชนิด และหลากหลายชาติให้ได้ลิ้มรสกัน ที่พลาดไม่ได้เมื่อไปถึงมาเก๊า ก็ต้องเป็นอาหารประจำชาติ ที่เรียกกันว่า “อาหารแมคกันนีส” และ “อาหารโปรตุเกส” ซึ่งไม่สามารถหาทานได้ในเมืองไทยอย่างแน่นอน
“อาหารแมคกันนีส” อาหารประจำชาติของมาเก๊าเป็นอาหารที่ผสมผสานเอารสชาติและเครื่องปรุงจากนานา ชาติ ทั้ง ยุโรป อเมริกาใต้ แอฟริกา และ เอเชียมาไว้ด้วยกันในแต่ละจาน ตกแต่งสไตล์ยุโรป เพิ่มเสน่ห์และรสชาติในการรับประทานด้วยไวน์ชั้นเลิศของโปรตุเกสก็จะได้ความ อร่อยมากขึ้น การปรุงอาหารในครัวแมกกานีส ยังเป็นการนำกรรมวิธีการปรุงแบบตะวันตก (อบ ย่าง สตูว์ ตุ๋น) มาเข้าคู่กับเครื่องปรุงของเอเชีย เช่น ผงกระหรี่ กะปิ กุนเชียง และต้นหอม หรือไม่ก็สลับกันโดยการนำเอาการปรุงแบบฉบับของจีน เช่น ผัดไฟแรง ทอด นึ่ง มาผสมกับเครื่องปรุงของยุโรป เช่น ปลาคอด น้ำมันมะกอก มะกอกดอง เนื้อสับ มันฝรั่ง และไส้กรอกหมูเค็มของโปรตุเกสที่เรียกกันว่าโซริโซ่ (Chorizo)
อาหารโปรตุเกส เป็นอาหารยุโรปใต้ที่มีชายฝั่งติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีส่วนประกอบหลัก คือ อาหารทะเลทุกประเภท เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ปลาหมึก ปรุงแบบง่ายๆ เช่น ย่างถ่าน ตุ๋น นึ่งกับสมุนไพรและเครื่องปรุงที่หาได้ในภาคใต้ของยุโรป เช่น น้ำมันมะกอก เกลือทะเล น้ำส้มไวน์ขาว ผักชี และกระเทียม เป็นหลัก



วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

รู้ก่อนไปเที่ยวฮ่องกง










เขตบริหารพิเศษฮ่องกง
Hong Kong Special Administrative Region : HKSAR
ฮ่องกง ดินแดนแห่งความตื่นตาตรึงใจ สัมผัสความผสมผสานที่กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวระหว่างมรดกทางวัฒนธรรมและความทันสมัยของเมืองแห่งสีสันและความคึกคัก ที่ซึ่งตะวันออกและตะวันตกมาบรรจบกันอย่างลงตัว เพลิดเพลินไปกับการจับจ่ายในช้อปปิ้งมอลล์สุดหรูไปจนถึงตลาดกลางแจ้ง อิ่มอร่อยไปกับอาหารนานาชาติรสเลิศหรืออาหารพื้นเมืองสุดวิเศษ เปิดโลกทัศน์ตระการตากับความงามอันน่าพิศวงของเส้นขอบฟ้า ล่องเรือข้ามอ่าววิคตอเรียหรือปีนเขาชื่นชมทัศนียภาพอันงดงาม สัมผัสความหลากหลายและความนำสมัยของฮ่องกง แก่นแท้ของเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาแห่งนี้ แล้วคุณจะรักฮ่องกง!

ข้อมูลทั่วไป
ที่ตั้ง
เกาะฮ่องกงเป็นดินแดนตอนปลายสุดทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน ติดกับมณฑลกวางตุ้ง ประกอบด้วยเกาะฮ่องกง นิวเทอร์ริทอรีส์ เกาลูน และเกาะเล็กๆ อีก 235 เกาะ มีพื้นที่โดยรวม 1,091 ตารางกิโลเมตร

ประชากรและภาษา
มีประชากรทั้งสิ้นประมาณ 6.4 ล้านคน ประมาณร้อยละ 96 เป็นคนจีน ภาษาจีนและอังกฤษเป็นภาษาราชการ ภาษาจีนกลางตุ้งเป็นภาษาที่ใช้กันมากที่สุด แต่หลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 1997 ได้มีการบรรจุภาษาจีนกลาง (แมนดาริน) ในแบบเรียนเพิ่มขึ้นด้วย
Note : เจ้าหน้าที่ร้านค้าและโรงแรม จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี

ภูมิอากาศ
ฮ่องกงอยู่ในเขตกึ่งร้อนชื้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเยือนได้ตลอดทั้งปี
• ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-กลางพฤษภาคม) อุณหภูมิประมาณ 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิและความชื้นสูงขึ้นเสื้อผ้าแนะนำให้เตรียมแจ็คเก็ตหรือสเว็ทเตอร์ ไม่ต้องหนามากไปด้วย
• ฤดูร้อน (ปลายพฤษภาคม - กลางกันยายน) อุณหภูมิประมาณ 28 องศาเซสเซียส
อากาศร้อนชื้น อาจจะมีฝนบ้าง ควรเตรียมเสื้อเชิ๊ต ชุดผ้าฝ้าย และร่มเมื่อออกนอกอาคารด้วย
• ฤดูใบไม้ร่วง (ปลายกันยายน-ต้นธันวาคม) อุณหภูมิประมาณ 23 องศาเซสเซียส
ช่วงนี้อุณหภูมิและความชื้นลดลง ท้องฟ้าแจ่มใสตลอดวัน ควรเตรียมเสื้อเชิ๊ต สเวทเตอร์และแจ็คเก็ตบางๆ ไปด้วย
• ฤดูหนาว (ปลายธันวาคม - กุมภาพันธ์) อุณหภูมิประมาณ 17 องศาเซสเซียส
อากาศหนาวเย็นและความชื้นต่ำ ควรสวมเสื้อกันหนาว เสื้อโอเวอร์โค้ท

ระเบียบการเข้าเมือง
นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเข้าฮ่องกงได้โดยไม่ต้องมีวีซ่านาน 3 เดือน ซึ่งแต่เดิม สามารถอยู่ได้เพียง 14 วัน ก่อนเข้าถึงฮ่องกงจะได้รับแบบฟอร์มการเข้าเมือง ซึ่งต้องกรอกให้สมบูรณ์ และแนบไปกับพาสปอร์ตแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง

ข้ออนุญาตของศุลกากร
นักท่องเที่ยวสามารถนำสิ่งต่อไปนี้เข้าฮ่องกงได้โดยไม่ต้องเสียภาษี
• ยาสูบ - บุหรี่ 200 มวน หรือซิการ์ 50 มวน หรือยาสูบ 250 กรัม
• เครื่องดื่มแอลกอฮอล์-ไวน์ หรือเหล้าขวดขนาด 1 ลิตร
• งาช้าง รัฐบาลฮ่องกงมีข้อบังคับเข้มงวดมากในเรื่องการนำเข้าและส่งออกงาช้าง ทั้งที่ยังไม่ได้แปรสภาพและที่แปรสภาพแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจำนวนมากหรือน้อยก็ตาม จึงควรสอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะนำเข้าหรือออกงาช้าง

การขับขี่
ท่านที่มีใบขับขี่นานาชาติอยู่แล้ว สามารถขับรถในฮ่องกงได้ไม่เกิน 12 เดือน โดยต้องเป็นรถที่มีประกันภัยบุคคลที่ 3 และต้องพกพาใบขับขี่พร้อมบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายติดตัวเสมอ

ไฟฟ้า น้ำประปา และโทรศัพท์
สำหรับท่านที่ต้องการนำเครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ ติดตัวไปใช้ ที่ฮ่องกงใช้กระแสไฟฟ้า 200/220 โวลท์ ความถี่ 50 เฮิร์ตซ์ หากท่านพักที่โรงแรม โดยส่วนใหญ่เกือบทุกแห่ง จะมีเครื่องแปลงไฟฟ้าไว้ให้บริการ สามารถขอได้
น้ำในฮ่องกงมาจากระบบประปาของรัฐบาลเอง มีความสะอาดตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกแห่งสหประชาชาติ หากยังไม่มั่นใจ น้ำดื่มบรรจุขวดก็มีจำหน่ายทั่วไป หาซื้อได้ไม่ยาก
ส่วนโทรศัพท์นั้น ที่ฮ่องกงเป็นระบบที่ทันสมัย การโทรศัพท์ภายในฮ่องกงเอง (local call) ไม่เสียค่าบริการ และร้านค้า โรงแรมส่วนใหญ่มีโทรศัพท์ไว้บริการอยู่แล้ว แต่ควรสอบถามจากทางโรงแรมก่อนว่าคิดว่าโทรฯ และชาร์จอย่างไร ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะยังไม่ทัน shopping กลับต้องจ่ายค่าโทรศัพท์หมดตัวเสียก่อน อันนี้ต้องระวัง เครื่องโทรศัพท์สาธารณะระบบ IDD สามารถโทรทางไกลออกนอกประเทศได้ มีทั้งแบบหยอดเหรียญและใช้บัตร ซึ่งสามารถหาซื้อได้จากร้านค้า และศูนย์บริการข้อมูลการท่องเที่ยว (HKTA) รวมถึงร้านขายสินค้าที่ระลึกทั่วไป สำหรับการโทรกลับเมืองไทยแบบอัตโนมัติ กด 00 + 66 + รหัสจังหวัด + เบอร์โทรศัพท์

ธนาคาร & สกุลเงิน
ธนาคาร
ธนาคารส่วนใหญ่เปิดทำการวันจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 16.30 น. และวันเสาร์ ตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 12.30 น. ปิดทำการในวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ ธนาคารและสาขาบางแห่งอาจเปิดให้บริการนานกว่านี้ บริการทางธนาคารบางประเภทอาจงด 1 ชั่วโมงก่อนปิดทำการ เครื่องเบิกถอนเงินสด (ATMs) พบได้เกือบทุกที่และเครื่อง “Electronic Money” ของ HSBC ให้บริการถอนเงินสด (HK$) ตลอด 24 ชั่วโมง แก่ผู้ถือบัตรวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด ส่วนผู้ถือบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรส สามารถใช้เครื่องเอทีเอ็มของ Jetco และสามารถถอนเงินสกุลท้องถิ่นและเช็คเดินทางได้ที่เครื่องเอทีเอ็ม Express Cash ในเมือง
สกุลเงิน
สกุลเงินที่ใช้ได้ตามกฎหมายคือเงินดอลลาร์ฮ่องกง (HK$) 1 ดอลลาร์มี 100 เซ็นต์ สำหรับเหรียญ 10 เซนต์ 20 เซ็นต์และ 50 เซ็นต์ ซึ่งออกโดยรัฐบาลมีสีบรอนซ์ เหรียญ 1HK$, 2 HK$, และ 5HK$ มีสีเงิน ส่วนเหรียญนิคเกิลและบรอนซ์ใช้กับเหรียญ 10 HK$ สำหรับธนบัตรที่ออกโดย HSBC และธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด มี 10 HK$, 20 HK$, 50 HK$, 100 HK$, 500 HK$ และ 1,000 HK$ ส่วนแบงก์ออฟไชน่าออกธนบัตรทุกประเภท ยกเว้น 10 HK$
ตั้งแต่กลางปี 1980 ค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงถูกตรึงไว้ที่ 7.8 HK$ ต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐฯ และลดหลั่นกันไปกับอัตราแลกเปลี่ยนกับเงินสกุลอื่น อย่างไรก็ตาม อัตราตลาดแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีการแกว่งขึ้นลงบ้าง ธนาคารและผู้รับแลกเปลี่ยนเงินจะเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น เช่นเดียวกับโรงแรมและห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ทั้งหลายซึ่งมีบริการแลกเปลี่ยนเงินตราให้กับลูกค้า อัตราแลกเปลี่ยนสำหรับเงินสดและเช็คเดินทางจะแตกต่างกันไปเล็กน้อยเหมือนกับเมืองอื่น ๆ และไม่สามารถแลกเหรียญได้
ตามกฎหมาย ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต้องติดป้ายแสดงอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิให้ชัดเจน นักท่องเที่ยวควรตรวจสอบและคำนวณค่าคอมมิชชั่นที่ต้องจ่ายเพิ่มสำหรับการแลกเช็คเดินทางก่อนแลกเงิน และตามกฎหมายต้องมีใบเสร็จรับเงินออกให้ ไม่มีระเบียบใด ๆ เกี่ยวกับการถือสกุลเงินต่าง ๆ เข้าและออกจากฮ่องกง


ข้อมูลสนามบิน
สนามบินนานาชาติฮ่องกง
นักท่องเที่ยวที่มาเยือนฮ่องกงจะได้รับการรับการบริการจากสนามบินที่ทันสมัยที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง สนามบินนานาชาติฮ่องกงอยู่ที่เช็คแลปก๊ก บนเกาะลันเตา เปรียบเสมือนประตูใหญ่สู่เอเชีย
ทางเลือกในการคมนาคมขนส่งมีหลากหลายเพียบพร้อมสำหรับผู้ที่เดินทางระหว่างสนามบินนานาชาติฮ่องกงกับเกาะฮ่องกง เกาลูน นิวเทอร์ริทอรี่ส์ และเกาะลันเตา ทั้งบริการรถไฟ รถประจำทาง เรือเฟอร์รี่ และแท็กซี่
บริการรถไฟด่วนสายสนามบิน (Airport Express-AEL) ดำเนินการโดยบริษัทเอ็มทีอาร์ คอร์ปอเรชั่น รองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางไปยังสถานีฮ่องกง ในเขตเซ็นทรัล ผ่านสถานีซิงยี่ และเกาลูน ภายในเวลา 23 นาที ค่าโดยสารเที่ยวเดียวจากสนามบินไปยังเกาะฮ่องกงราคา 100 HK$ รถไฟจะวิ่งทุก ๆ 10 นาที ตั้งแต่เวลา 5.50 น. – 1.00 น. ทุกวัน และมีบริการรถรับ-ส่งฟรีไปยังโรงแรมต่าง ๆ สำหรับผู้ใช้บริการ AEL
มีบริการรถประจำทางแฟรนไชส์กว่า 30 สาย ที่ให้บริการจากสนามบิน รวมทั้งบริการรถประจำทางปรับอากาศ 9 สาย ที่จะหยุดจอดน้อยกว่ารถประจำทางทั่วไป ค่าโดยสารของรถประจำทางปรับอากาศอยู่ระหว่าง 14 HK$ ถึง 45HK$ เรือเฟอร์รี่วิ่งระหว่างท่าเรือเช็ค แล็ป ก๊ก กับท่าเรือเทิน มุน ในเขตนิวเทอร์ริทอรี่ส์บริการตั้งแต่เวลา 6.00 น. – 23.00 น. ทุกวัน ส่วนแท็กซี่ไปยังทุกสถานที่ในฮ่องกงสามารถเรียกใช้บริการได้จากจุดรับ-ส่งรถแท็กซี่ เส้นทางปกติจากสนามบินถึงเขตเซ็นทรัลราคาประมาณ 330 HK$ และถึงจิมซาโจ่ยประมาณ 270 HK$
ผู้โดยสารที่อายุตั้งแต่ 12 ปี ต้องจ่ายค่าภาษีขาออกสนามบิน (Air Passthaier Departure Tax – APDT) ราคา 80 HK$ (ซึ่งปกติจะรวมอยู่กับค่าตั๋วเครื่องบิน) ผู้โดยสารที่เดินทางไปและกลับในวันเดียวกัน จะได้รับการยกเว้นการจ่ายภาษีนี้
ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2545 เป็นต้นมา มีการเรียกเก็บค่าเซอร์ชาร์จ ความปลอดภัยสนามบิน (Airport Security Surcharge – ASS) เพิ่มอีก 13 HK$ จากผู้โดยสารที่เดินทางออกจากสนามบินนานาชาติฮ่องกง เพื่อการรักษามาตรฐานความมั่นคง ปลอดภัยและบริการแก่ผู้โดยสาร ค่าบริการนี้เก็บเพิ่มจากค่าธรรมเนียมความปลอดภัย 20 HK$ ที่ปัจจุบันสายการบินต่าง ๆ เรียกเก็บจากผู้โดยสารในนามของการท่าอากาศยานฮ่องกง ดังนั้นผู้โดยสารจะต้องชำระค่าธรรมเนียมความปลอดภัยของสนามบินรวม 33 HK$


การเดินทาง
ในทางภูมิศาสตร์ ฮ่องกงมีขนาดเล็กและเป็นหนึ่งในเมืองที่มีระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ราคาประหยัดและให้บริการเป็นประจำที่สุดในโลก
เส้นทางคมนาคมที่ต่อเชื่อมกับระบบรถไฟใต้ดิน (Mass Transit Railway – MTR) และเส้นทางรถประจำทางต่าง ๆ ได้แก่เครือข่ายเส้นทางรถไฟสายเกาลูน-แคนตัน เรลเวย์ (Kowloon Canton Railway – KCR) และรถไฟสายสั้น (Light Rail – LR) รถรางและเรือเฟอร์รี่ มีแท็กซี่วิ่งพร้อมให้บริการและการเดินทางทั่วเมืองตามปกติจะรวดเร็วและสะดวกมาก อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับเมืองใหญ่อื่น ๆ ควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลาเร่งด่วน (8.00 น. – 10.00 น. และ 5.00 น. – 19.00 น.)


จัดกระเป๋าเดินทาง
ด้วยสภาพอากาศกึ่งเขตร้อนของฮ่องกง จึงไม่จำเป็นต้องเตรียมเสื้อผ้าสำหรับอากาศหนาวไปตลอดปี เสื้อผ้าฝ้ายสวมใส่สบายเหมาะสมกับการเที่ยวที่สุด ยกเว้นช่วงกลางเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เมื่อปรอทอาจลดระดับลงถึง 10oC (50oF) ทว่าในช่วงฤดูร้อน ควรติดเสื้อสเวตเตอร์บางไปด้วย เนื่องจากตามภัตตาคารและโรงภาพยนตร์มักจะปรับเครื่องอากาศไว้เย็นจัด ฝนอาจตกในช่วงฤดูฝน (ประมาณเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน) ดังนั้น จึงควรพกเสื้อกันฝนไปด้วยในช่วงนี้
สิ่งที่จำเป็นต้องนำติดตัวไปนั้นขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่จะทำให้นครแห่งชีวิต ขอแนะนำให้เตรียมชุดว่ายน้ำสำหรับการเที่ยวชายหาด รองเท้าส้นเตี้ยสำหรับการเดินเที่ยว และชุดลำลองสำหรับการดินเนอร์ ควรสวมสูทอย่างเป็นทางการเมื่อติดต่อธุรกิจ สำหรับผู้ที่เตรียมออกตระเวณช้อปปิ้งมอลล์ของเหล่าดีไซน์เนอร์และตลาดกลางคืนอันมีสีสัน ขอแนะนำให้เหลือที่ว่างในกระเป๋าไว้มาก ๆ เนื่องจากฮ่องกงนั้นขึ้นชื่อว่าสวรรค์ของนักช้อปโดยแท้



-ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว
-ดูเพ็คเกจทัวร์ฮ่องกงถูกๆได้ที่นี่