ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวมาเก๊า

คราวที่แล้วพาไปเที่ยวฮ่องกงมาแล้ว คราวนี้ก็ ต้องข้ามฝั่งไปที่ มาเก๊า กันเลย

หลายคนคงรู้แล้วว่า มาเก๊ากับฮ่องกงนั้น ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งสามารถ เดินทางไปมาหากันได้โดยใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง โดยมากแล้ว คนที่ไปฮ่องกงมักจะแวะไปเยี่ยมเยือนมาเก๊า เป็นของแถม (แต่ไม่คิดว่าเป็นของแถมนะ เพราะว่า มาเก๊าเองก็เป็น Major place ของการท่องเที่ยวเหมือนกาน) รู้แล้วก็เลยเอาข้อมูลมาฝาก


เขตปกครองพิเศษมาเก๊า
มาเก๊าตั้งอยู่ในเขตมณฑลกวางตุ้ง บนชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของสามเหลี่ยม ปากแม่น้ำเพิร์ล มีอาณาเขตติดกับตำบลกงเป่ย หรือขงปั๊กของจีน (Gongbei)

มีเนื้อที่ทั้งหมด 29.2 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยคาบสมุทรมาเก๊ามีพื้นที่ 9.3 ตารางกิโลเมตรซึ่งติดต่อกับจีนแผ่นดินใหญ่, เกาะไทปา(Taipa) 6.7 ตารางกิโลเมตร เกาะโคโลอาน(Coloane) 7.6 ตารางกิโลเมตร และโคไท ”COTAI” พื้นที่ซึ่งพัฒนาขึ้นใหม่จากการถมทะเลอีก 5.6 ตารางกิโลเมตร



The Venetion Resort เดอะเวเนเชี่ยนมาเก๊า เป็นชื่อโรงแรมหรูในมาเก๊า ภายในมีห้องพักรับรองหลายพันห้อง มีห้องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ให้บริก

าร และมีบ่อนคาสิโนที่นักพนันและนักท่องเที่ยวระดับมาเล่นกันเพื่อความสนุกสนาน มากกว่าเล่นเพื่อผลาญทรัพย์เชิงอบายมุข ตลอดจนมีแหล่งชอปปิ้งระดับโลกรวมอยู่ในที่เดียวกัน และยังมีเรือกอนโดลาบริการสำหรับผู้ต้องการล่องเรือในบรรยากาศเวนิสจำลอง ด้วยเช่นกัน

จัตุรัสเซนาโด้
กลายเป็นศูนย์รวมของชาวเมืองมานับศตวรรษ และยังคงเป็นสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองยอดนิยมทั้งหลาย ตั้งอยู่ใกล้กับอาคารสภาสูงเดิมและวัดซำไก วุยคุน ทั้งบ่งถึงความร่วมมืออย่างแข็งขันของชุมชนชาวจีนท้องถิ่น ที่มีต่องานราชการเมือง ขณะเดียวกัน ยังเป็นตัวอย่างเด่นชัด ที่แสดงถึงการคลุกเคล้าทางวัฒนธรรมอันหลากหลายของชาวมาเก๊า โดยอาคารที่รายรอบจัตุรัสเซนาโด้ ล้วนเป็นอาคารสไตล์นีโอคลาสสิกที่ทาสีพาสเทลอันอ่อนโยน สะท้อนถึงบรรยากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน



ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล

ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลหมายถึงฟาซาดด้านหน้าของโบสถ์มาแตร์ เดอี (Church of Mater Dei) ที่สร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1602-1640 แต่โดนพิษไฟไหม้ในปี 1835 ทำให้วิทยาลัยเซนต์ปอลที่อยู่ติดกับโบสถ์ ก็กลายเป็นซากด้วยเช่นกัน โดยรวมแล้ว โบสถ์มาแตร์ เดอีเดิม วิทยาลัยเซนต์ปอล (St. Paul’s College) และป้อมปราการ (Mount Fortress) เป็นสิ่งปลูกสร้างของพระนิกายเยซูอิต และตั้งใจก่อร่างให้เป็นดั่งอะโครโปลิสแห่งมาเก๊า ซากโบราณสถานที่ยังหลงเหลืออยู่ของวิทยาลัยเซนต์ปอล คือประจักษ์พยานการก่อตั้งมหาวิทยาลัยของตะวันตกใน ภูมิภาคตะวันออกไกล และได้รับการวางหลักสูตรการศึกษาไว้อย่างพิถีพิถัน ขณะที่ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล ในปัจจุบันถูกมาเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองมาเก๊า


อาหารการกิน
มาเก๊า เป็นสวรรค์ของนักกิน ไม่แพ้ที่ใดในโลก ด้วยมีอาหารหลากหลายชนิด และหลากหลายชาติให้ได้ลิ้มรสกัน ที่พลาดไม่ได้เมื่อไปถึงมาเก๊า ก็ต้องเป็นอาหารประจำชาติ ที่เรียกกันว่า “อาหารแมคกันนีส” และ “อาหารโปรตุเกส” ซึ่งไม่สามารถหาทานได้ในเมืองไทยอย่างแน่นอน
“อาหารแมคกันนีส” อาหารประจำชาติของมาเก๊าเป็นอาหารที่ผสมผสานเอารสชาติและเครื่องปรุงจากนานา ชาติ ทั้ง ยุโรป อเมริกาใต้ แอฟริกา และ เอเชียมาไว้ด้วยกันในแต่ละจาน ตกแต่งสไตล์ยุโรป เพิ่มเสน่ห์และรสชาติในการรับประทานด้วยไวน์ชั้นเลิศของโปรตุเกสก็จะได้ความ อร่อยมากขึ้น การปรุงอาหารในครัวแมกกานีส ยังเป็นการนำกรรมวิธีการปรุงแบบตะวันตก (อบ ย่าง สตูว์ ตุ๋น) มาเข้าคู่กับเครื่องปรุงของเอเชีย เช่น ผงกระหรี่ กะปิ กุนเชียง และต้นหอม หรือไม่ก็สลับกันโดยการนำเอาการปรุงแบบฉบับของจีน เช่น ผัดไฟแรง ทอด นึ่ง มาผสมกับเครื่องปรุงของยุโรป เช่น ปลาคอด น้ำมันมะกอก มะกอกดอง เนื้อสับ มันฝรั่ง และไส้กรอกหมูเค็มของโปรตุเกสที่เรียกกันว่าโซริโซ่ (Chorizo)
อาหารโปรตุเกส เป็นอาหารยุโรปใต้ที่มีชายฝั่งติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีส่วนประกอบหลัก คือ อาหารทะเลทุกประเภท เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ปลาหมึก ปรุงแบบง่ายๆ เช่น ย่างถ่าน ตุ๋น นึ่งกับสมุนไพรและเครื่องปรุงที่หาได้ในภาคใต้ของยุโรป เช่น น้ำมันมะกอก เกลือทะเล น้ำส้มไวน์ขาว ผักชี และกระเทียม เป็นหลัก



วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

รู้ก่อนไปเที่ยวฮ่องกง










เขตบริหารพิเศษฮ่องกง
Hong Kong Special Administrative Region : HKSAR
ฮ่องกง ดินแดนแห่งความตื่นตาตรึงใจ สัมผัสความผสมผสานที่กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวระหว่างมรดกทางวัฒนธรรมและความทันสมัยของเมืองแห่งสีสันและความคึกคัก ที่ซึ่งตะวันออกและตะวันตกมาบรรจบกันอย่างลงตัว เพลิดเพลินไปกับการจับจ่ายในช้อปปิ้งมอลล์สุดหรูไปจนถึงตลาดกลางแจ้ง อิ่มอร่อยไปกับอาหารนานาชาติรสเลิศหรืออาหารพื้นเมืองสุดวิเศษ เปิดโลกทัศน์ตระการตากับความงามอันน่าพิศวงของเส้นขอบฟ้า ล่องเรือข้ามอ่าววิคตอเรียหรือปีนเขาชื่นชมทัศนียภาพอันงดงาม สัมผัสความหลากหลายและความนำสมัยของฮ่องกง แก่นแท้ของเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาแห่งนี้ แล้วคุณจะรักฮ่องกง!

ข้อมูลทั่วไป
ที่ตั้ง
เกาะฮ่องกงเป็นดินแดนตอนปลายสุดทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน ติดกับมณฑลกวางตุ้ง ประกอบด้วยเกาะฮ่องกง นิวเทอร์ริทอรีส์ เกาลูน และเกาะเล็กๆ อีก 235 เกาะ มีพื้นที่โดยรวม 1,091 ตารางกิโลเมตร

ประชากรและภาษา
มีประชากรทั้งสิ้นประมาณ 6.4 ล้านคน ประมาณร้อยละ 96 เป็นคนจีน ภาษาจีนและอังกฤษเป็นภาษาราชการ ภาษาจีนกลางตุ้งเป็นภาษาที่ใช้กันมากที่สุด แต่หลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 1997 ได้มีการบรรจุภาษาจีนกลาง (แมนดาริน) ในแบบเรียนเพิ่มขึ้นด้วย
Note : เจ้าหน้าที่ร้านค้าและโรงแรม จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี

ภูมิอากาศ
ฮ่องกงอยู่ในเขตกึ่งร้อนชื้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเยือนได้ตลอดทั้งปี
• ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-กลางพฤษภาคม) อุณหภูมิประมาณ 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิและความชื้นสูงขึ้นเสื้อผ้าแนะนำให้เตรียมแจ็คเก็ตหรือสเว็ทเตอร์ ไม่ต้องหนามากไปด้วย
• ฤดูร้อน (ปลายพฤษภาคม - กลางกันยายน) อุณหภูมิประมาณ 28 องศาเซสเซียส
อากาศร้อนชื้น อาจจะมีฝนบ้าง ควรเตรียมเสื้อเชิ๊ต ชุดผ้าฝ้าย และร่มเมื่อออกนอกอาคารด้วย
• ฤดูใบไม้ร่วง (ปลายกันยายน-ต้นธันวาคม) อุณหภูมิประมาณ 23 องศาเซสเซียส
ช่วงนี้อุณหภูมิและความชื้นลดลง ท้องฟ้าแจ่มใสตลอดวัน ควรเตรียมเสื้อเชิ๊ต สเวทเตอร์และแจ็คเก็ตบางๆ ไปด้วย
• ฤดูหนาว (ปลายธันวาคม - กุมภาพันธ์) อุณหภูมิประมาณ 17 องศาเซสเซียส
อากาศหนาวเย็นและความชื้นต่ำ ควรสวมเสื้อกันหนาว เสื้อโอเวอร์โค้ท

ระเบียบการเข้าเมือง
นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเข้าฮ่องกงได้โดยไม่ต้องมีวีซ่านาน 3 เดือน ซึ่งแต่เดิม สามารถอยู่ได้เพียง 14 วัน ก่อนเข้าถึงฮ่องกงจะได้รับแบบฟอร์มการเข้าเมือง ซึ่งต้องกรอกให้สมบูรณ์ และแนบไปกับพาสปอร์ตแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง

ข้ออนุญาตของศุลกากร
นักท่องเที่ยวสามารถนำสิ่งต่อไปนี้เข้าฮ่องกงได้โดยไม่ต้องเสียภาษี
• ยาสูบ - บุหรี่ 200 มวน หรือซิการ์ 50 มวน หรือยาสูบ 250 กรัม
• เครื่องดื่มแอลกอฮอล์-ไวน์ หรือเหล้าขวดขนาด 1 ลิตร
• งาช้าง รัฐบาลฮ่องกงมีข้อบังคับเข้มงวดมากในเรื่องการนำเข้าและส่งออกงาช้าง ทั้งที่ยังไม่ได้แปรสภาพและที่แปรสภาพแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจำนวนมากหรือน้อยก็ตาม จึงควรสอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะนำเข้าหรือออกงาช้าง

การขับขี่
ท่านที่มีใบขับขี่นานาชาติอยู่แล้ว สามารถขับรถในฮ่องกงได้ไม่เกิน 12 เดือน โดยต้องเป็นรถที่มีประกันภัยบุคคลที่ 3 และต้องพกพาใบขับขี่พร้อมบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายติดตัวเสมอ

ไฟฟ้า น้ำประปา และโทรศัพท์
สำหรับท่านที่ต้องการนำเครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ ติดตัวไปใช้ ที่ฮ่องกงใช้กระแสไฟฟ้า 200/220 โวลท์ ความถี่ 50 เฮิร์ตซ์ หากท่านพักที่โรงแรม โดยส่วนใหญ่เกือบทุกแห่ง จะมีเครื่องแปลงไฟฟ้าไว้ให้บริการ สามารถขอได้
น้ำในฮ่องกงมาจากระบบประปาของรัฐบาลเอง มีความสะอาดตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกแห่งสหประชาชาติ หากยังไม่มั่นใจ น้ำดื่มบรรจุขวดก็มีจำหน่ายทั่วไป หาซื้อได้ไม่ยาก
ส่วนโทรศัพท์นั้น ที่ฮ่องกงเป็นระบบที่ทันสมัย การโทรศัพท์ภายในฮ่องกงเอง (local call) ไม่เสียค่าบริการ และร้านค้า โรงแรมส่วนใหญ่มีโทรศัพท์ไว้บริการอยู่แล้ว แต่ควรสอบถามจากทางโรงแรมก่อนว่าคิดว่าโทรฯ และชาร์จอย่างไร ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะยังไม่ทัน shopping กลับต้องจ่ายค่าโทรศัพท์หมดตัวเสียก่อน อันนี้ต้องระวัง เครื่องโทรศัพท์สาธารณะระบบ IDD สามารถโทรทางไกลออกนอกประเทศได้ มีทั้งแบบหยอดเหรียญและใช้บัตร ซึ่งสามารถหาซื้อได้จากร้านค้า และศูนย์บริการข้อมูลการท่องเที่ยว (HKTA) รวมถึงร้านขายสินค้าที่ระลึกทั่วไป สำหรับการโทรกลับเมืองไทยแบบอัตโนมัติ กด 00 + 66 + รหัสจังหวัด + เบอร์โทรศัพท์

ธนาคาร & สกุลเงิน
ธนาคาร
ธนาคารส่วนใหญ่เปิดทำการวันจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 16.30 น. และวันเสาร์ ตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 12.30 น. ปิดทำการในวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ ธนาคารและสาขาบางแห่งอาจเปิดให้บริการนานกว่านี้ บริการทางธนาคารบางประเภทอาจงด 1 ชั่วโมงก่อนปิดทำการ เครื่องเบิกถอนเงินสด (ATMs) พบได้เกือบทุกที่และเครื่อง “Electronic Money” ของ HSBC ให้บริการถอนเงินสด (HK$) ตลอด 24 ชั่วโมง แก่ผู้ถือบัตรวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด ส่วนผู้ถือบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรส สามารถใช้เครื่องเอทีเอ็มของ Jetco และสามารถถอนเงินสกุลท้องถิ่นและเช็คเดินทางได้ที่เครื่องเอทีเอ็ม Express Cash ในเมือง
สกุลเงิน
สกุลเงินที่ใช้ได้ตามกฎหมายคือเงินดอลลาร์ฮ่องกง (HK$) 1 ดอลลาร์มี 100 เซ็นต์ สำหรับเหรียญ 10 เซนต์ 20 เซ็นต์และ 50 เซ็นต์ ซึ่งออกโดยรัฐบาลมีสีบรอนซ์ เหรียญ 1HK$, 2 HK$, และ 5HK$ มีสีเงิน ส่วนเหรียญนิคเกิลและบรอนซ์ใช้กับเหรียญ 10 HK$ สำหรับธนบัตรที่ออกโดย HSBC และธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด มี 10 HK$, 20 HK$, 50 HK$, 100 HK$, 500 HK$ และ 1,000 HK$ ส่วนแบงก์ออฟไชน่าออกธนบัตรทุกประเภท ยกเว้น 10 HK$
ตั้งแต่กลางปี 1980 ค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงถูกตรึงไว้ที่ 7.8 HK$ ต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐฯ และลดหลั่นกันไปกับอัตราแลกเปลี่ยนกับเงินสกุลอื่น อย่างไรก็ตาม อัตราตลาดแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีการแกว่งขึ้นลงบ้าง ธนาคารและผู้รับแลกเปลี่ยนเงินจะเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น เช่นเดียวกับโรงแรมและห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ทั้งหลายซึ่งมีบริการแลกเปลี่ยนเงินตราให้กับลูกค้า อัตราแลกเปลี่ยนสำหรับเงินสดและเช็คเดินทางจะแตกต่างกันไปเล็กน้อยเหมือนกับเมืองอื่น ๆ และไม่สามารถแลกเหรียญได้
ตามกฎหมาย ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต้องติดป้ายแสดงอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิให้ชัดเจน นักท่องเที่ยวควรตรวจสอบและคำนวณค่าคอมมิชชั่นที่ต้องจ่ายเพิ่มสำหรับการแลกเช็คเดินทางก่อนแลกเงิน และตามกฎหมายต้องมีใบเสร็จรับเงินออกให้ ไม่มีระเบียบใด ๆ เกี่ยวกับการถือสกุลเงินต่าง ๆ เข้าและออกจากฮ่องกง


ข้อมูลสนามบิน
สนามบินนานาชาติฮ่องกง
นักท่องเที่ยวที่มาเยือนฮ่องกงจะได้รับการรับการบริการจากสนามบินที่ทันสมัยที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง สนามบินนานาชาติฮ่องกงอยู่ที่เช็คแลปก๊ก บนเกาะลันเตา เปรียบเสมือนประตูใหญ่สู่เอเชีย
ทางเลือกในการคมนาคมขนส่งมีหลากหลายเพียบพร้อมสำหรับผู้ที่เดินทางระหว่างสนามบินนานาชาติฮ่องกงกับเกาะฮ่องกง เกาลูน นิวเทอร์ริทอรี่ส์ และเกาะลันเตา ทั้งบริการรถไฟ รถประจำทาง เรือเฟอร์รี่ และแท็กซี่
บริการรถไฟด่วนสายสนามบิน (Airport Express-AEL) ดำเนินการโดยบริษัทเอ็มทีอาร์ คอร์ปอเรชั่น รองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางไปยังสถานีฮ่องกง ในเขตเซ็นทรัล ผ่านสถานีซิงยี่ และเกาลูน ภายในเวลา 23 นาที ค่าโดยสารเที่ยวเดียวจากสนามบินไปยังเกาะฮ่องกงราคา 100 HK$ รถไฟจะวิ่งทุก ๆ 10 นาที ตั้งแต่เวลา 5.50 น. – 1.00 น. ทุกวัน และมีบริการรถรับ-ส่งฟรีไปยังโรงแรมต่าง ๆ สำหรับผู้ใช้บริการ AEL
มีบริการรถประจำทางแฟรนไชส์กว่า 30 สาย ที่ให้บริการจากสนามบิน รวมทั้งบริการรถประจำทางปรับอากาศ 9 สาย ที่จะหยุดจอดน้อยกว่ารถประจำทางทั่วไป ค่าโดยสารของรถประจำทางปรับอากาศอยู่ระหว่าง 14 HK$ ถึง 45HK$ เรือเฟอร์รี่วิ่งระหว่างท่าเรือเช็ค แล็ป ก๊ก กับท่าเรือเทิน มุน ในเขตนิวเทอร์ริทอรี่ส์บริการตั้งแต่เวลา 6.00 น. – 23.00 น. ทุกวัน ส่วนแท็กซี่ไปยังทุกสถานที่ในฮ่องกงสามารถเรียกใช้บริการได้จากจุดรับ-ส่งรถแท็กซี่ เส้นทางปกติจากสนามบินถึงเขตเซ็นทรัลราคาประมาณ 330 HK$ และถึงจิมซาโจ่ยประมาณ 270 HK$
ผู้โดยสารที่อายุตั้งแต่ 12 ปี ต้องจ่ายค่าภาษีขาออกสนามบิน (Air Passthaier Departure Tax – APDT) ราคา 80 HK$ (ซึ่งปกติจะรวมอยู่กับค่าตั๋วเครื่องบิน) ผู้โดยสารที่เดินทางไปและกลับในวันเดียวกัน จะได้รับการยกเว้นการจ่ายภาษีนี้
ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2545 เป็นต้นมา มีการเรียกเก็บค่าเซอร์ชาร์จ ความปลอดภัยสนามบิน (Airport Security Surcharge – ASS) เพิ่มอีก 13 HK$ จากผู้โดยสารที่เดินทางออกจากสนามบินนานาชาติฮ่องกง เพื่อการรักษามาตรฐานความมั่นคง ปลอดภัยและบริการแก่ผู้โดยสาร ค่าบริการนี้เก็บเพิ่มจากค่าธรรมเนียมความปลอดภัย 20 HK$ ที่ปัจจุบันสายการบินต่าง ๆ เรียกเก็บจากผู้โดยสารในนามของการท่าอากาศยานฮ่องกง ดังนั้นผู้โดยสารจะต้องชำระค่าธรรมเนียมความปลอดภัยของสนามบินรวม 33 HK$


การเดินทาง
ในทางภูมิศาสตร์ ฮ่องกงมีขนาดเล็กและเป็นหนึ่งในเมืองที่มีระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ราคาประหยัดและให้บริการเป็นประจำที่สุดในโลก
เส้นทางคมนาคมที่ต่อเชื่อมกับระบบรถไฟใต้ดิน (Mass Transit Railway – MTR) และเส้นทางรถประจำทางต่าง ๆ ได้แก่เครือข่ายเส้นทางรถไฟสายเกาลูน-แคนตัน เรลเวย์ (Kowloon Canton Railway – KCR) และรถไฟสายสั้น (Light Rail – LR) รถรางและเรือเฟอร์รี่ มีแท็กซี่วิ่งพร้อมให้บริการและการเดินทางทั่วเมืองตามปกติจะรวดเร็วและสะดวกมาก อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับเมืองใหญ่อื่น ๆ ควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลาเร่งด่วน (8.00 น. – 10.00 น. และ 5.00 น. – 19.00 น.)


จัดกระเป๋าเดินทาง
ด้วยสภาพอากาศกึ่งเขตร้อนของฮ่องกง จึงไม่จำเป็นต้องเตรียมเสื้อผ้าสำหรับอากาศหนาวไปตลอดปี เสื้อผ้าฝ้ายสวมใส่สบายเหมาะสมกับการเที่ยวที่สุด ยกเว้นช่วงกลางเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เมื่อปรอทอาจลดระดับลงถึง 10oC (50oF) ทว่าในช่วงฤดูร้อน ควรติดเสื้อสเวตเตอร์บางไปด้วย เนื่องจากตามภัตตาคารและโรงภาพยนตร์มักจะปรับเครื่องอากาศไว้เย็นจัด ฝนอาจตกในช่วงฤดูฝน (ประมาณเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน) ดังนั้น จึงควรพกเสื้อกันฝนไปด้วยในช่วงนี้
สิ่งที่จำเป็นต้องนำติดตัวไปนั้นขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่จะทำให้นครแห่งชีวิต ขอแนะนำให้เตรียมชุดว่ายน้ำสำหรับการเที่ยวชายหาด รองเท้าส้นเตี้ยสำหรับการเดินเที่ยว และชุดลำลองสำหรับการดินเนอร์ ควรสวมสูทอย่างเป็นทางการเมื่อติดต่อธุรกิจ สำหรับผู้ที่เตรียมออกตระเวณช้อปปิ้งมอลล์ของเหล่าดีไซน์เนอร์และตลาดกลางคืนอันมีสีสัน ขอแนะนำให้เหลือที่ว่างในกระเป๋าไว้มาก ๆ เนื่องจากฮ่องกงนั้นขึ้นชื่อว่าสวรรค์ของนักช้อปโดยแท้



-ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว
-ดูเพ็คเกจทัวร์ฮ่องกงถูกๆได้ที่นี่